recyglo-logo

ฟอกสีฟันราคาเท่าไร ทำแล้วเสียวฟันไหม ตอบทุกคำถามที่ควรรู้ก่อนตัดสินใจทำ

13 สิงหาคม 2025

ฟอกสีฟันราคาเท่าไร ทำแล้วเสียวฟันไหม ตอบทุกคำถามที่ควรรู้ก่อนตัดสินใจทำ 1

หลายคนที่เริ่มต้นวันด้วยชา กาแฟ ดื่มแอลกอฮอล์ หรือสูบบุหรี่เป็นประจำ อาจเริ่มสังเกตว่าฟันเปลี่ยนสี มีคราบเหลืองสะสมที่แปรงฟันธรรมดาไม่สามารถขจัดออกได้ รวมถึงบางคนที่มีปัญหาฟันเหลืองจากพันธุกรรม การใช้งาน อายุที่เพิ่มขึ้น หรือ สาเหตุอื่น ๆ ก็อาจรู้สึกไม่มั่นใจเวลายิ้ม

หนึ่งในวิธีที่ช่วยคืนความมั่นใจให้รอยยิ้มได้ คือ การขูดหินน้ำลายและขูดหินปูน ซึ่งจะช่วยลดคราบสะสมและทำให้ฟันดูกระจ่างใสขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ รวมถึงการฟอกสีฟันก็สามารถเปลี่ยนเฉดสีฟันให้สว่างขึ้นได้

แต่หากยังสงสัยว่า ฟอกสีฟันราคาเท่าไร? ฟอกสีฟันแล้วเสียวฟันไหม? ผลลัพธ์อยู่ได้นานแค่ไหน? ในบทความนี้คลินิกบริการทันตกรรมพิเศษ จุฬาฯ (CUSDC) ชวนทำความเข้าใจทุกเรื่องเกี่ยวกับการฟอกสีฟัน ทั้งรูปแบบของการฟอกสีฟัน ราคา และข้อควรรู้ เพื่อช่วยให้สามารถตัดสินใจก่อนการฟอกสีฟันได้ดียิ่งขึ้น

ฟันเหลืองเกิดจากอะไร

ฟันเหลืองเกิดจากอะไร ฟอกสีฟัน

ฟันเหลืองเกิดได้จากหลายสาเหตุ เช่น การเปลี่ยนแปลงขององค์ประกอบฟันเนื้อฟันด้านใน เช่น ฟันสึก อายุที่เพิ่มขึ้น ทำให้เคลือบฟันบางลงจนเห็นเนื้อฟันที่มีสีเหลืองชัดขึ้น การใช้ยาปฏิชีวนะบางชนิด การได้รับฟลูออไรด์มากเกินไปในวัยเด็ก ฟันที่เกิดความเสียหายจากอุบัติเหตุ หรือ พันธุกรรม

โดยฟันเหลืองยังสามารถเกิดจากคราบที่สะสมบนผิวฟัน เช่น การดื่มชา กาแฟ น้ำอัดลม ไวน์แดง หรือ การสูบบุหรี่ เนื่องจากในเครื่องดื่มบางชนิดมีสารแทนนิน (Tannins) และกรดอ่อน ๆ ที่ทำให้เกิดคราบสะสม และยังทำให้เคลือบฟันบางลง จึงทำให้ฟันเปลี่ยนสีได้ง่ายขึ้น ซึ่งหากเกิดจากสาเหตุนี้ สามารถแก้ไขด้วยการขูดหินน้ำลายและขัดฟันได้

วิธีแก้ฟันเหลือง

สำหรับวิธีแก้ฟันเหลืองมีหลายวิธีด้วยกัน ดังนี้

  • แปรงฟันให้สะอาดทุกครั้งหลังตื่นนอน และ หลังมื้ออาหาร ร่วมกับการใช้ไหมขัดฟันอย่างถูกวิธีเพื่อกำจัดคราบจุลินทรีย์ที่ทำให้ผิวฟันไม่สะอาดและทำให้เกิดการสะสมของคราบหินปูนและคราบสีต่างๆ
  • อาจใช้น้ำยาบ้วนปากเสริมการแปรงฟันและการใช้ไหมขัดฟัน เพื่อช่วยลดการเกิดคราบจุลินทรีย์บนผิวฟัน
  • ลดปริมาณการดื่มชา กาแฟ แอลกอฮอล์ และงดสูบบุหรี่
  • ใช้หลอดดูดเพื่อลดการสัมผัสของสารกับฟัน บ้วนปาก หรือ ดื่มน้ำเปล่าตามหลังดื่มเครื่องดื่มสีเข้ม เพื่อลดการสะสมของคราบสี (stain)
  • เข้ารับบริการทางทันตกรรม เช่น ขัดฟัน ขูดหินน้ำลาย เพื่อช่วยขจัดคราบสีและคราบหินปูนที่ติดบนผิวฟัน เหมาะกับผู้ที่มีคราบจากอาหารหรือบุหรี่ แต่หากต้องการเปลี่ยนเฉดสีฟันให้สว่างขึ้นสามารถใช้วิธีการฟอกสีฟัน หรือ ทำวีเนียร์ (Veneers) ได้ เพื่อผลลัพธ์ที่ชัดเจนยิ่งขึ้น ทั้งนี้แนะนำให้เข้ารับคำปรึกษาจากทันตแพทย์ เพื่อวางแผนการรักษาที่เหมาะสมกับสภาพฟันของแต่ละบุคคล

ฟอกสีฟันคืออะไร เหมาะกับใคร

การฟอกสีฟัน (Teeth Whitening) คือ บริการทางทันตกรรมที่ช่วยเปลี่ยนเฉดสีฟันให้ขาวและสว่างขึ้น ด้วยการใช้น้ำยาหรือสารฟอกสีฟันที่มีส่วนประกอบของไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์หรือคาร์บาไมด์เปอร์ออกไซด์ ที่มีคุณสมบัติช่วยแตกตัวโมเลกุลเม็ดสีในตัวฟัน

ฟอกสีฟัน เหมาะกับใคร?

  • คนที่ต้องการเสริมความมั่นใจให้กับรอยยิ้ม เช่น คนทำงานที่ต้องติดต่อประสานงาน นายแบบ นางแบบ อินฟลูเอ็นเซอร์ 
  • คนที่มีฟันเหลืองจากอายุที่เพิ่มขึ้น พฤติกรรมการรับประทานอาหาร หรือ พันธุกรรม

ฟอกสีฟัน มีกี่แบบ

การฟอกสีฟันสามารถแบ่งออกได้เป็นสองแบบหลัก ๆ โดยแต่ละวิธีมีข้อดี ข้อควรรู้ ระยะเวลาเห็นผลที่แตกต่างกัน ดังนี้ 

1. ฟอกสีฟันที่คลินิก (In-office bleaching)

ฟอกสีฟันราคาเท่าไร ทำแล้วเสียวฟันไหม ตอบทุกคำถามที่ควรรู้ก่อนตัดสินใจทำ 2

เป็นวิธีฟอกสีฟันโดยทันตแพทย์จะใช้สารฟอกสีฟันความเข้มข้นสูงร่วมกับเครื่องมือเฉพาะ เช่น เครื่อง Zoom Whitening เพื่อช่วยกระตุ้นให้สารออกฤทธิ์ได้เร็วและลึกมากขึ้น เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการเห็นผลขาวขึ้นแบบรวดเร็วเช่น ต้องการรอยยิ้มขาวขึ้นเพื่อออกงานสังคม หรือใช้ในกรณีที่ไม่สะดวกฟอกสีฟันด้วยตนเองที่บ้าน(home bleaching technique)

  • ข้อดี
    • เห็นผลขาวขึ้นทันทีหลังทำ
    • ปลอดภัยเพราะอยู่ภายใต้การดูแลของทันตแพทย์
    • ใช้เวลาไม่นาน ประมาณ 1.5-2 ชั่วโมง
  • ข้อควรรู้
    • อาจมีอาการเสียวฟันระหว่างและหลังทำ
    • ระดับความขาวขึ้นของฟันที่ได้ในการฟอกที่คลินิกแต่ละครั้งอาจไม่เท่ากันในแต่ละบุคคล โดยเฉพาะผู้ที่เริ่มต้นฟอกสีฟันจากฟันสีเข้มค่อนข้างมาก มีแนวโน้มที่จะต้องฟอกสีฟันด้วยจำนวนครั้งที่มากกว่าผู้ที่ฟันสีเข้มน้อยกว่า
    • ความคงทนของสีฟันที่ขาวขึ้นอาจน้อยกว่าการฟอกสีฟันชนิดทำเองที่บ้าน
    • สามารถทำร่วมกับการฟอกสีฟันชนิดทำเองที่บ้าน (combined technique) การเริ่มต้นฟอกสีฟันที่คลินิกก่อนจะช่วยให้ฟันขาวต่อเนื่องเร็วขึ้น 

2. ชุดฟอกสีฟันแบบทำเองที่บ้าน (Home bleaching)

ฟอกสีฟันราคาเท่าไร ทำแล้วเสียวฟันไหม ตอบทุกคำถามที่ควรรู้ก่อนตัดสินใจทำ 3

สำหรับแบบที่สองเป็นการฟอกสีฟันด้วยตัวเอง โดยทันตแพทย์จะทำการพิมพ์ปากเพื่อทำถาดฟอกสีฟันเฉพาะบุคคลให้ พร้อมน้ำยาฟอกสีฟันกลับไปทำที่บ้าน ต้องใช้เวลาต่อเนื่องหลายวัน ประมาณ 3–4 สัปดาห์ จึงจะเห็นผลชัดเจน โดยเมื่อต้องการทำซ้ำก็สามารถปรึกษาทันตแพทย์และซื้อน้ำยาฟอกสีฟันเพิ่มเติมเพื่อทำเองได้ตลอด แต่จะไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายในส่วนของถาดพิมพ์ฟันใหม่ (ในกรณีที่ฟันยังเหมือนเดิม)

  • ข้อดี
    • ราคาย่อมเยากว่าการฟอกสีฟันที่คลินิก
    • ทำซ้ำเองได้ เพียงซื้อน้ำยาฟอกสีฟันเพิ่มเติม
    • ระยะเวลาของความขาวที่ได้จะอยู่นานกว่าประมาณหนึ่ง เนื่องจากเป็นการฟอกสีฟันแบบต่อเนื่อง
  • ข้อควรรู้
    • อาจไม่ได้เห็นผลทันที โดยความขาวขึ้นของฟันจะค่อย ๆ เกิดขึ้นระหว่างการทำอย่างต่อเนื่อง 
    • ได้ผลดี แต่ต้องมีวินัยในการทำต่อเนื่องอย่างถูกวิธี
    • หากมีอาการเสียวฟันระหว่างฟอกสีฟันด้วยตนเองที่บ้าน สามารถหยุดพัก หรือเว้นระยะในการใช้น้ำยาฟอกสีฟันได้ตามคำแนะนำของทันตแพทย์
    • ควรเข้ารับคำปรึกษากับทันตแพทย์ เพื่อตรวจและวางแผนให้เหมาะสมกับการรักษาก่อนเท่านั้น

ฟอกสีฟันราคาเท่าไร

ราคาการฟอกสีฟันขึ้นอยู่กับวิธีที่เลือกทำ และสภาพฟันของแต่ละคน โดยที่คลินิกบริการทันตกรรมพิเศษ จุฬาฯ (CUSDC) มีให้เลือกบริการฟอกสีฟัน ดังนี้

  • ฟอกสีฟันที่รักษาคลองรากฟัน เหมาะกับฟันที่เคยรักษารากฟันมาก่อน ราคาเริ่มต้นครั้งละ 1,800 บาท
  • ฟอกสีฟันทั้งปากแบบทำเองที่บ้าน ทำอุปกรณ์ฟอกสีฟันเฉพาะบุคคล ใช้เวลาประมาณ 1–2 สัปดาห์ ราคาเริ่มต้นที่ 7,500 บาท กรณีที่ต้องการซื้อน้ำยาฟอกสีฟันเพิ่ม จะมีค่าใช้จ่ายในส่วนของน้ำยาฟอกสีฟัน เริ่มต้นที่ 3,500 บาท
  • ฟอกสีฟันแบบ In-office bleaching (Zoom Whitening) ฟอกสีฟันโดยทันตแพทย์ที่คลินิก เห็นผลชัดเจนภายในครั้งเดียว ราคาเริ่มต้นที่ 9,000 บาท

โดยสามารถสอบถามรายละเอียด หรือ จองคิวนัดหมายง่าย ๆ ผ่าน LINE : @cusdc หรือ โทร 0-2430-6533

ฟอกสีฟัน

ฟอกสีฟันแล้วเสียวฟันจริงไหม

ฟอกสีฟันจะเสียวฟันไหม คำตอบ คือ บางคนอาจมีอาการเสียวฟันในช่วง 1-3 วันหลังทำ สำหรับการฟอกสีฟันแบบทำเองที่บ้าน และเสียวฟันในระหว่างการรักษาสำหรับการฟอกสีฟันที่คลินิก และอาจยิ่งรู้สึกเสียวฟัน หากมีฟันผุ หรือ มีอาการเหงือกอักเสบอยู่ก่อนแล้ว

อย่างไรก็ตาม อาการเสียวมักเป็นชั่วคราว สามารถหายไปได้เอง และสามารถบรรเทาได้ด้วยการใช้ยาสีฟันแก้เสียวฟัน หลีกเลี่ยงของเย็นจัดหรือร้อนจัด และหลีกเลี่ยงการกัดอาหารแข็งหรือเหนียว

ฟอกสีฟันอยู่ได้นานแค่ไหน

โดยเฉลี่ยแล้ว ผลลัพธ์ของการฟอกสีฟันจะอยู่ได้นาน 6 เดือน – 1 ปี หรือนานกว่านั้น ขึ้นอยู่กับการดูแลหลังการฟอก และพฤติกรรมการใช้ชีวิตของแต่ละคน

เตรียมตัวยังไงก่อนฟอกสีฟัน

ก่อนการฟอกสีฟัน ควรพบทันตแพทย์เพื่อตรวจสุขภาพช่องปากก่อน โดยเฉพาะการตรวจหาฟันผุ เหงือกอักเสบ หรือ คราบหินปูน หากมีปัญหาเหล่านี้ควรรักษาให้เรียบร้อยก่อน เพื่อป้องกันการระคายเคืองหรืออาการเสียวฟันภายหลังการฟอกสีฟัน

วิธีดูแลตัวเองหลังฟอกสีฟัน

หลังฟอกสีฟัน ควรดูแลตัวเองอย่างเหมาะสมเพื่อให้ผลลัพธ์คงอยู่ได้นานที่สุด

  • หลีกเลี่ยงอาหารหรือเครื่องดื่มที่มีสีเข้ม มีสารแทนนิน (Tannins) หรือ มีกรดอ่อน ๆ เช่น ชา กาแฟ ซอสถั่วเหลือง ไวน์แดง ใน 48 ชั่วโมงแรกหลังจากฟอกสีฟัน
  • หลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่
  • ใช้หลอดดูดแทนการดื่มเครื่องดื่ม
  • แปรงฟันด้วยยาสีฟันที่มีส่วนประกอบของสารฟอกสีฟ้า เพื่อทำให้ฟันดูสว่างขึ้น หรือ สูตรลดอาการเสียวฟัน

คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับการฟอกสีฟัน 

คำถาม 1: ข้อเสียของการฟอกสีฟัน

คำตอบ คือ

  • เสียวฟันชั่วคราว
  • วัสดุบูรณะฟันเดิมมีสีที่ชัดขึ้น จากฟันธรรมชาติที่ขาวขึ้นจนเห็นสีแตกต่างจากเดิม
  • ฟันขาวไม่เท่ากัน หากมีครอบฟันหรือฟันปลอมบางส่วน
  • สีฟันอาจกลับมาเหลืองอีก หากดูแลสุขภาพฟันไม่ถูกต้อง

คำถาม 2: ฟอกสีฟัน ห้ามกินอะไร

คำตอบ คือ ในช่วง 48 ชั่วโมงแรก ควรหลีกเลี่ยงการรับประทานอาหาร ดังนี้

  • เครื่องดื่มสีเข้ม เช่น กาแฟ ชา โกโก้ น้ำอัดลม ไวน์แดง เบียร์
  • อาหารที่มีสีจัด หรือ รสจัด เช่น แกงเขียวหวาน แกงกะหรี่ ซอสถั่วเหลือง ซอสมะเขือเทศ
  • ขนมและของหวานสีสด เช่น ลูกอม เยลลี่ น้ำผลไม้เข้มข้น
  • อาหารรสเปรี้ยวจัด เช่น น้ำส้ม น้ำมะนาว สับปะรด เพราะอาจทำให้รู้สึกเสียวฟันหรือระคายเคือง
  • งดสูบบุหรี่ หรือ ผลิตภัณฑ์ยาสูบ เพราะทำให้เกิดคราบได้ง่าย

คำถาม 3: ฟอกสีฟันขาวถาวรเลยไหม

คำตอบ คือ การฟอกสีฟันไม่ได้ให้ผลลัพธ์แบบขาวถาวร แต่สามารถอยู่ได้นานหลายเดือนถึงหนึ่งปี ขึ้นอยู่กับพฤติกรรมการใช้ชีวิตประจำวันของแต่ละคน 

อย่างไรก็ตาม สามารถฟอกสีฟันซ้ำได้เมื่อเวลาผ่านไป หรือ เมื่อสีของฟันเริ่มกลับมาเหลืองหรือคล้ำขึ้น

ฟอกสีฟันที่คลินิกบริการทันตกรรมพิเศษ จุฬาฯ (CUSDC) ดียังไง

ที่ CUSDC มีทีมทันตแพทย์ผู้เชี่ยวชาญจากจุฬาฯ กว่า 284 คน ดูแลทุกเคสอย่างใกล้ชิด จึงมั่นใจได้ว่า คุณภาพการรักษามีมาตรฐานสูงและใส่ใจในทุกขั้นตอน รวมถึงมีบริการทางทันตกรรมที่ครอบคลุม หลากหลาย และใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัยมาตรฐานระดับโลก พร้อมเปิดให้บริการทั้งในและนอกเวลาราชการ

ข้อดีของการทำฟอกสีฟันที่ CUSDC

  • ได้รับการดูแลโดยทันตแพทย์เฉพาะทาง ที่มีมาตรฐานการรักษา ความสะอาด และความปลอดภัยสูง
  • ใช้เทคโนโลยีฟอกสีฟันที่มีคุณภาพสูง
  • ราคาสมเหตุสมผล

📍พิกัดคลินิกบริการทันตกรรมพิเศษ จุฬาฯ (CUSDC) 

แผนที่ CUSDC

คลินิกบริการทันตกรรมพิเศษ จุฬาฯ (CUSDC) ตั้งอยู่ที่อาคารคลินิกบริการทันตกรรมพิเศษ (CUSDC) คณะทันตแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย สามารถเดินทางได้ง่าย ๆ ด้วยรถโดยสารสาธารณะ ทั้ง BTS, MRT รถเมล์ และ รถปอพ รวมถึงมีที่จอดรถสำหรับรถยนต์และรถจักรยานยนต์ส่วนตัวอีกด้วย

<iframe src="https://maps.google.com/maps?q=CUSDC&z=10&t=roadmap&output=embed" class="embd-map" title="CUSDC"></iframe>

https://maps.app.goo.gl/1vwL3w7AdJ47ze8n6

สรุป

การฟอกสีฟัน คือ หนึ่งในวิธีดูแลรอยยิ้มที่ช่วยทำให้ฟันขาวขึ้นจากการกำจัดคราบสีที่สะสมบนผิวฟันและในเนื้อฟันซึ่งมาจากพฤติกรรมในชีวิตประจำวัน เช่น การดื่มชา กาแฟ สูบบุหรี่ หรือแม้แต่ปัญหาฟันเหลืองจากพันธุกรรม แม้การฟอกสีฟันจะไม่ได้ให้ผลลัพธ์แบบถาวร แต่ก็สามารถอยู่ได้นานหลายเดือน จนถึง 1 ปี หากมีการดูแลที่เหมาะสม 

ปัจจุบันการฟอกสีฟันมีให้เลือกหลายวิธี ทั้งแบบทำเองที่บ้านและทำที่คลินิก โดยมีราคาตั้งแต่หลักพันต้น ๆ ไปจนถึงหลักพันปลาย ๆ ขึ้นอยู่กับประเภทและอุปกรณ์ที่ใช้ อย่างไรก็ตาม ควรพบทันตแพทย์ก่อนการฟอกสีฟัน เพื่อประเมินสภาพฟันและเลือกวิธีที่เหมาะสมที่สุดกับตัวเอง หากกำลังมองหาทางเลือกที่จะช่วยเสริมความมั่นใจให้กับรอยยิ้ม การฟอกสีฟันถือเป็นคำตอบที่ควรค่าแก่การทำ เพราะปลอดภัยและเห็นผลลัพธ์ได้อย่างชัดเจน

ข้อมูลโดย: อ.ทญ.จีรภา ศรีเพ็ชรดานนท์